รมช.เกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ติดตามการยึดคืนพื้นที่ที่ครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย พร้อมมอบหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์และมอบสินเชื่อให้แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน
บ่ายวันที่ 13 มี.ค.63 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจราชการการยึดคืนพื้นที่ที่ครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (แปลงบริษัทรวมชัยบุรีปาล์มทอง จำกัด) ตำบลไทรทอง อำเภอชัยบุรี และเป็นประธานมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) แก่เกษตรกรจำนวน 35 ราย และมอบสินเชื่อให้แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน 10 ราย ณ ศาลาประชาคมอำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่/ท้องถิ่น เกษตรกร พี่น้องประชาชน และผู้เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ
ซึ่งเป็นไปตามแผนงานและนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการจัดที่ดินทำกินให้เกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกินหรือมีแต่ไม่เพียงพอต่อการครองชีพ ตลอดจนการพัฒนาอาชีพเกษตรกร โดยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานทั้งในและนอกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดิน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งในส่วนของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพื้นที่ดำเนินการ จำนวน 16 อำเภอ จาก 19 อำเภอ รวมเนื้อที่ประมาณ 1,428,295 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ทำการเกษตรของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีพื้นที่การเกษตรประมาณ 3.6 ล้านไร่ จากพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัด 8,174,759 ไร่
ทั้งนี้ในส่วนของที่ดิน แปลงบริษัทรวมชัยบุรีปาล์มทอง จำกัด มีเนื้อที่ 1,749 – 1 – 24 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน โครงการป่าใสท้อน และบำคลองโซง ตำบลไทรทอง อำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ปก) ตามมาตรา 36 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดย ส.ป.ก. เป็นโจทก์ ฟ้องขับไล่บริษัทรวมชัยบุรีปาล์มทอง จำกัด เป็นจำเลย และศาลฎีกาได้มีคำพิพากษา ที่ 3365/2558 ให้จำเลยพร้อมด้วยบริวารออกจากที่ดิน โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ส.ป.ก.สุราษฎร์ธานี) มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาดังกล่าว ห้ามมิให้บุคคลใด บุกรุก เข้ายึดถือครอบครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และให้ผู้ครอบครองออกจากที่ดินโดยไม่มีเงื่อนไข มิฉะนั้น ส.ป.กสุราษฎร์ธานี จะใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดย ส.ป.ก.สุราษฎร์ธานี ได้นำที่ดินแปลงนี้ไปดำเนินการจัดให้แก่เกษตรกรตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตามนโยบายรัฐบาล.