นายสนชัย อุ่ยเต็กเค่ง นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคเอกชนการท่องเที่ยว เตรียมพร้อมในการนำเที่ยวในฝั่งเกาะตอนใต้ของเมียนมา รอให้หมดหน้ามรสุมทางเมียนมาจะเริ่มเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวระหว่างไทยกับเมียนมาได้ อาจจะเป็นช่วงกลางเดือนธันวาคมทุกอย่างคงเข้าระบบ และเริ่มนำนักท่องเที่ยวเข้าเมียนมาได้
ทั้งนี้จุดที่โดดเด่นในฝั่งเมียนมาคือแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงติดระดับโลก สิ่งที่น่าสนใจ ฉลามวาฬ, กระเบนราหู, กระเบนนก, ฉลามเสือดาว, ปลาจิ้มฟันจระเข้ปีศาจ, ปลาไหลริบบิ้น, ม้าน้ำ, ปลากบ, กุ้งตัวตลก, กุ้งมังกร โดยเฉพาะหมู่เกาะทะเลพม่า หรือ หมู่เกาะมะริด (Mergui Archipelago)มีเกาะน้อยใหญ่มากถึง 800 เกาะ และยังมีความอุดมสมบูรณ์ของสภาพใต้น้ำอยู่มาก
นายสนชัย กล่าวว่า ในการดำน้ำ จะดำได้เฉพาะช่วงในฤดูกาลที่ไม่มีอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้คือ ตั้งแต่เดือน ธ.ค.- เม.ย. ซึ่งทัศนวิสัยโดยเฉลี่ยน้ำจะค่อนข้างใสเพราะอยู่ห่างไกลฝั่ง แต่ก็อาจจะมีขุ่นบ้างปะปนกันไปขึ้นอยู่กับสภาพคลื่นลม และช่วงเดือน ก.พ. – พ.ค. มีโอกาสสูงที่จะได้พบฉลามวาฬ และกระเบนราหูอีกด้วย
ส่วนเกาะหัวใจมรกต (Cock’s Comb) เกาะหัวใจมรกต แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่กำลังมาแรงมากๆ กับความสวยงามแห่งธรรมชาติทะเลอันดามัน ในเขตประเทศเมียนมา ซึ่งสามารถเดินทางจากระนองได้เกาะหัวใจมรกต แหล่งดำน้ำทีมีแนวปะการังสมบูรณ์ และเกาะหัวใจมรกต หาดทรายขาวยังบริสุทธิ์ มีพันธ์ปลา และสัตว์น้ำทุกชนิด หาดูได้ง่ายกว่าในพื้นที่ไหน ๆ ในท้องทะเลอันดามัน
นายสนชัย กล่าวว่า ขณะนี้แม้ว่าเมียนมาจะมีปัญหาภายในประเทศ แต่พบว่าแนวโน้มหรือกระแสการท่องเที่ยวในประเทศเมียนมา มีความตื่นตัวเป็นอย่างมากทั้งจากชาวเมียนมาเอง รวมถึงชาวต่างชาติที่ต้องการท่องเที่ยวในเมืองหลวงของเมียนมาแล้ว
ส่วนหนึ่งมีความต้องการเดินทางลงใต้เพื่อสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติโดยเฉพาะเกาะแก่งที่สวยงาม รวมถึงแหล่งดำน้ำดูปะการังติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก ทำให้ทางภาคเอกชนที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวใน จ.ระนอง กำลังเร่งหาทางความร่วมมือกับเอกชนด้านการโรงแรมและท่องเที่ยวในประเทศเมียนมา อาทิโรงแรมอันดามันคลับ ให้เป็นตัวเชื่อมที่สำคัญในภาคการท่องเที่ยว เพื่อเปิดสู่ตลาดท่องเที่ยวในประเทศเมียนมา
รวมถึงการดึงประชาชนชาวเมียนมาให้ข้ามฟากเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทยโดยเฉพาะด้านจ.ระนองพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศเมียนมา คาดว่าในอนาคตจะเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลเมียนมา กำลังเปิดให้ภาคเอกชนจากต่างประเทศเข้าไปลงทุนได้
โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เกาะแก่งต่างๆขณะนี้นับ 100 เกาะที่พร้อมที่จะเปิดให้สัมปทานแก่นักลงทุนชาวต่างชาติเพื่อดำเนินกิจการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งมีนักลงทุนชาวต่างชาติให้ความสนใจมากเช่นกัน เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเล เกาะแก่งที่สวยงาม แหล่งดำน้ำติดระดับโลก โดยเฉพาะในเขตพื้นที่จ.มะริด ปัจจุบันเมียนมาเตรียมที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งดำน้ำชั้นนำของโลก
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ