เผยวีรกรรมเหี้ยม “แป้ง นาโหนด” ตบ ยิงผู้หญิง พบถ่ายภาพกับแก๊งค้ายาในพม่า

ผู้การพัทลุงคนใหม่สั่งรื้อฟื้นคดี “แป้ง นาโหนด” เผยวีรกรรมในอดีต ทั้งพกปืนไล่ยิงในสถานบันเทิง ทำร้าย-ยิงผู้หญิง แต่ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความ พบเคยอยู่กับแก๊งค้ายาชื่อดัง ถ่ายภาพร่วมกันในประเทศเพื่อนบ้าน  

จากกรณี พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผกก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. นำกำลังร่วมกับตำรวจ กก.สส.ภ.8 พร้อมพวก นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักนายสุพัฒน์ ชาตรี อายุ 44 ปี อดีต สจ.พัทลุง เขต อ.เขาชัยสน และอดีตประธานสภา อบจ.พัทลุง บ้านเลขที่ 208 หมู่ 11 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ซึ่งจากการตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าวที่เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น สภาพยกพื้นสูง ตรวจพบอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก กระสุนเบอร์ 12 จำนวน 6 นัด และอาวุธปืนยาวไรเฟิล ขนาด 5.56 NATO ยี่ห้อ BARETTA อีก 1 กระบอก ซึ่งปืนยางไรเฟิลกระบอกดังกล่าวมีเลขทะเบียนตรงกับอาวุธปืนเอ็ม 16 ที่เป็นของกลางที่ตำรวจยึดได้จากการปะทะกับแป้ง นาโหนด นักโทษที่หลบหนี จึงได้เชิญตัวนายสุพัฒน์ไปให้คณะทำงานของชุดพนักงานสอบสวนของ ภ.จว.พัทลุง ที่ พล.ต.ต.ณฐกรญ์ กาญจนาภรณ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุงคนใหม่ ได้แต่งตั้งขึ้น เพื่อขยายผลคดีดังกล่าวตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น

การสอบปากคำของนายสุพัฒน์ จนถึงตอนเย็นวันที่ 13 พฤศจิกายนย 2566 นายสุพัฒน์ได้ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหลบหนีของนายเชาวลิต หรือแป้ง นาโหนด แต่อย่างใด และเมื่อกลุ่มพนักงานสอบสวนได้ถามถึงการครอบครองอาวุธปืนชนิดและขนาดต่างๆ ที่ได้ตรวจพบการครอบครองอาวุธปืนมากถึง 8 กระบอกนั้น นายสุพัฒน์ยอมรับว่า การครอบครองอาวุธปืนดังกล่าวเป็นเรื่องจริงตามที่ตำรวจได้ตรวจพบจากนายทะเบียน โดยบอกกับพนักงานสอบสวนว่า อาวุธปืนอีก 6 กระบอก ที่เป็นอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย ได้นำไปเก็บไว้ที่บ้านอีกหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่บ้านเดียวกัน พนักงานสอบสวนจึงขอให้นำมามอบให้ เพื่อส่งไปตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจพิสูจน์ว่าอาวุธปืนทั้ง 8 กระบอก เคยนำไปก่อเหตุในคดีใดบ้างหรือไม่ ส่วนอาวุธปืนไรเฟิลของนายสุพัฒน์ที่ไปตรงกับทะเบียนอาวุธปืนเอ็ม 16 ของนายเชาวลิต หรือแป้ง นาโหนด ที่ตำรวจตรวจยึดได้จากการปะทะนั้น ในเบื้องต้นตำรวจคาดว่า นายเชาวลิตน่าจะใช้ทะเบียนอาวุธปืนไรเฟิลไปสวมทะเบียนกับอาวุธปืนสงครามของตัวเอง ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน เพื่อขยายผลของการสวมทะเบียนของพนักงานสอบสวน

อย่างไรก็ตาม การสอบปากคำนายสุพัฒน์อย่างต่อเนื่องและยาวนานหลายชั่วโมงนั้น  ทางด้านพนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาฐานความผิดใดๆ กับนายสุพัฒน์   แต่หากขยายผลและพบว่า นายสุพัฒน์มีส่วนร่วมในการหลบหนีของนายเชาวลิต ทางพนักงานสอบสวนจะได้แจ้งให้นายสุพัฒน์มารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป ในส่วนของกระแสข่าวที่แพร่สะพัดว่า พนักงานสอบสวนที่เป็นคณะทำงานของตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุงในคดีนี้ ได้นำตัวนายสุพัฒน์ไปยังศาลจังหวัดพัทลุง เพื่อยื่นคำร้องผัดฟ้อง และขอให้ศาลออกหมายขังเมื่อตอนเย็นวันที่ 13 พ.ย. 66 นั้น กระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งในส่วนของนายสุพัฒน์นั้นได้เดินทางมายังศาลจังหวัดพัทลุงจริง ในฐานะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอื่น (คดีเช็ค) ที่ไม่ได้เกี่ยวของกับคดีของแป้ง นาโหนด แต่อย่างใด โดยที่นายสุพัฒน์ได้วางหลักทรัพย์เป็นเงินสดประกันตัวเองออกมาในตอนเย็นวันเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 13 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา หลังจากที่กลุ่มพนักงานสอบสวนชุดเฉพาะกิจ ได้สอบปากคำนายสุพัฒน์เสร็จสิ้น พล.ต.ต.ณฐกรญ์ กาญจนาภรณ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุงคนใหม่ ได้เป็นประธานในการประชุมคณะพนักงานสอบสวนชุดเฉพาะกิจตามคำสั่งของ กก.ภ.จว.พัทลุง โดยเน้นย้ำให้พนักงานสอบสวนของโรงพักต่างๆ รื้อฟื้นการกระทำความผิดการก่อคดีของแป้ง  นาโหนด และพวก ว่าการก่อคดีต่างๆ นายเชาวลิตมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หากการรื้อคดีพบการกระทำความผิดโยงไปถึงนายเชาวลิต ทางตำรวจจะได้ดำเนินการตามกฎหมายกับนายเชาวลิตต่อไป  

ทั้งนี้ มีข้อมูลที่ผ่านมา นายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด มีส่วนในการก่อเหตุอุกฉกรรจ์หลายครั้ง อาทิ เมื่อปี 2562 มีคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่พัทลุง มีการไล่ยิงกันในสถานบันเทิง กระโดดถีบผู้หญิง รวมถึงยิงผู้หญิงในร้านอาหาร ซึ่งทั้งหมด เสี่ยแป้งเป็นผู้กระทำ แต่ทั้ง 3 เหตุการณ์ไม่มีคนไปแจ้งความ เนื่องจากผู้เสียหายทั้งหมดเกรงกลัวอิทธิพลของเสี่ยแป้ง ส่วนลูกน้องหรือลูกสมุนที่อยู่รอบตัวเสี่ยแป้งนั้น ทุกคนมีอาวุธปืนและมีประวัติคดีฆ่าติดตัว จึงไม่มีการเกรงกลัวกฎหมาย ก่อเหตุรุนแรงกลางที่สาธารณะ รวมทั้งทำร้ายผู้หญิง 

นอกจากนี้ เสี่ยแป้งยังมีการถ่ายรูปคู่กับแก๊งเครือข่ายค้ายาเสพติด โดยมีภาพเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เสี่ยแป้งไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมเครือข่ายยาเสพติด ทั้งอ้วนเซียงตึ๊ง เสี่ยบุ๊คน้องเสี่ยโป้ง และกลุ่มแก๊งที่ถ่ายรูปร่วมกันตอนข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน

ที่มา ไทยรัฐ

Back To Top