เผยนาทีปะทะเดือด ‘เสี่ยแป้ง’ เผยสาเหตุรอด ผงะ พบเก็บอาวุธสงครามเพียบ

จากกรณีตำรวจได้ระดมกำลังปิดล้อม บ้านตระ เขตพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่บนเทือกเขาบรรทัดเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดพัทลุง-ตรัง สตูล เพื่อปิดล้อมจับกุมนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ “เสี่ยแป้ง นาโหนด” นักโทษชายรายสำคัญหลบหนีจาก รพ.นครศรีธรรมราช เมื่อกลางดึกวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า มีการวิสามัญ “เสี่ยแป้ง” เรียบร้อยแล้วนั้น จนล่าสุดมีการออกมายืนยันว่า “เสี่ยแป้ง” ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังทุกหน่วยงานปิดเขาบรรทัด เพื่อไลไล่าเสี่ยแป้งต่อไป

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเย็น เจ้าหน้าที่วางกำลังเป็นพิเศษบริเวณ เส้นทางน้ำตกโตนเต๊ะ และ น้ำตกโตนตก บ้านหนองเอื้อง ตำบลแหลมสอม อำเภอปะเหลียน ซึ่งเป็นเส้นทางขึ้นลงบ้านตระ รวมทั้งออกหาข่าว-ลาดตระเวนด้วยรถมอร์เตอร์ไซค์วิบาก ซึ่งเป็นยานพาหนะเพียงอย่างเดียวที่สามารถใช้ขึ้นลงไปยังบ้านตระได้ โดยเจ้าหน้าที่มาปักหลักตั้งแต่ช่วงวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

โดยในวันเดียวกันนี้ (8พ.ย.) มีคำสั่งจากเบื้องบนให้เข้มข้นมากขึ้นในเส้นทางขึ้นลงบ้านตระ มีการเสริมกำลังหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ตลอดช่วงบ่ายที่มีกระแสข่าวการปะทะและวิสามัญเสี่ยแป้ง โดยเจ้าหน้าที่ด้านล่างเชิงเขาได้ระดมกำลังเสริมพร้อมอาวุธครบมือ

ต่อมาเวลาประมาณ 18.30 น. พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รรท.ผบช.ภ.9 ผบ.เหตุการณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์โดยรวมของวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามเป้าหมายพื้นที่ซึ่งเป็นภูเขา เป็นป่ารกทึบ จังหวะที่ชุดปฏิบัติเข้าไปเขาก็สังเกตุเห็นเราเเละยิงใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเราปลอดภัย

พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ กล่าวว่า แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อมเป็นสภาพป่ารกทึบ เราได้รับเเจ้งว่าสามารถเก็บอาวุธสงครามของเขาที่ตกอยู่ได้ ส่วนนายชวลิตนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังควานหาอยู่ เบื้องต้นเรามีเป้าหมายเป็นเขาเพียง 1 คน ในการปะทะไม่มีฝ่ายสนับสนุนของนายชวลิต และพื้นที่ที่เขาอยู่เขาระวังตัวอยู่เเล้ว เราก็ใช้ความพยายามค้นหาตัวอยู่หลายที่เเล้ว จนทราบข่าวว่าจะเป็นที่ตรงนี้ ด้านพื้นที่เขาได้เปรียบเพราะเป็นพื้นที่ป่าเเละมีความสูงชัน ซึ่งลักษณะพื้นที่พักของเขาอยู่เป็นเพิงพักชั่วคราว ตอนนี้ยังไม่ได้ยืนยันการวิสามัญฆาตรกรรม แต่ทางเจ้าหน้าที่ปลอดภัยทุกคน

“พื้นที่ตรงนี้มีบริเวณกว้าง มีเนื้อที่ 100 กว่าตารางกิโลเมตร เราไม่รู้ว่าพิกัดเขาอยู่ตรงไหน เเต่ชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานตั้งเเต่วันที่ 3 พฤศจิกายนเเล้ว ตนประทับใจเจ้าหน้าที่ทุกคน ทำงานในพื้นที่ภูเขา เสี่ยงได้รับการบาดเจ็บจากการเดินเป็นเวลานาน ตั้งเเต่พรุ่งนี้ ผมประสานโรงพักที่อยู่รอบเขาบรรทัดทั้งหมดให้มาช่วย เพราะพื้นที่ตรงนี้เข้าไปยากเวลาเกิดเรื่องก็จะหลบหนีมาอยู่ที่นี่ หลายคนบอกว่าเป็นพื้นที่ซ่องสุม ผมอยากเปลี่ยนภาพพจน์ให้เป็นหมู่บ้านที่ช่วยรัฐเป็นหมู่บ้านสีขาวสักที การขึ้นไปในหมู่บ้านต้องใช้การเดินเท้าเป็น 10 กิโลเมตร หากไม่ชำนาญทางจริงก็เข้าไปลำบาก

วันนี้มีกระเเสข่าวว่าวิสามัญเเล้ว เเต่ข้อเท็จจริงก็ตามที่ผมเรียนในเบื้องต้น ลูกน้องของผมก็ยังปลอดภัยดีทุกคน คนที่หลบหนีเมื่อรู้ว่าเจ้าหน้าที่ติดตามตัวเขาก็เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เป้าหมายที่เราหาก็เจอร่องรอยจริงๆ เเละที่สำคัญเขาพร้อมต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทุกเมื่อ ตอนนี้เราส่งชุดปฏิบัติการเข้าไปในจุดเกิดเหตุ และเราตั้งจุดปฏิบัติการไว้สองฝั่ง เราตั้งด่านโดยรอบ เเละดึงประชาชนเข้ามาช่วย”พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ กล่าว

พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ กล่าวต่อว่า จึงขอความร่วมมือให้ชาวบ้านเเจ้งเบาะเเส เบื้องต้น การปะทะกันใช้เวลาพอสมควร เเละตัวเขาใช้อาวุธปืนร้ายเเรง เป็นอาวุธสงคราม ซึ่งเป็นความยากต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายยังอยู่ตรงนี้เเน่นอน ในเบื้องต้นจากการข่าวเชื่อว่าคนร้ายมีปืนมากกว่าหนึ่งกระบอก ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าเสี่ยเเป้งมีการเตรียมตัวมานาน มีการสร้างที่พัก และ มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าด้วย

กระทั่งเวลา 20.00 น. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมที่กองอำนวยการร่วม น้ำตกโตนเต๊ะ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ว่า เชื่อว่าเสี่ยแป้งยังหลบซ่อนตัวอยู่บนเขาบรรทัด ยืนยันว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้วิสามัญเสี่ยแป้งแต่อย่างใด และยังหลบหนีอยู่ในบริเวณนี้ และอยากให้มอบตัว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เสี่ยแป้งจะมีอาวุธหนักในมือซึ่งเจ้าหน้าที่พบอาวุธหนักและเครื่องกระสุนที่กักตุนไว้ในเพิงพักอีกจำนวนหนึ่งหลังจากเกิดการปะทะกัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้เสี่ยแป้งไหวตัวทัน เพราะสุนัขที่อยู่หน้าเพิงพักของเสี่ยแป้งเกิดเห่าขึ้นมา ทำให้เจ้าตัวรู้ว่าเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าประชิด จึงยิงสวนออกมา อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ามีคนช่วยเหลือเสี่ยแป้งอีกจำนวนหนึ่งเพื่อให้ที่พักพิงและพาหลบหนี

ที่มา มติชน

Back To Top