กรณีมีกระแสข่าว พ.อ.หม่องชิตตู่ ผู้บัญชาการควบคุมพื้นที่ 3 กองกำลังบีจีเอฟหรือกองกำลังพิทักษ์ชายแดน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับฝ่ายทหารเมียนมา บ้านส่วยโก๊กโก่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ฝั่งด้านตรงข้ามกับบ้านวังแก้ว หมู่ที่ 4 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด และบ้านวังผา ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด จ.ตาก ได้ประกาศปิดท่าขนส่งสินค้าห้ามบุคคลต่างชาติ ทั้งชาวไทยและชาวจีน ข้ามไปฝั่งประเทศเมียนมาในพื้นที่ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป ทำให้การค้าชายแดนพื้นที่ดังกล่าวต้องหยุดชะงักลงทันที
คำสั่งดังกล่าวระบุว่าสาเหตุเกิดจากความล้มเหลวในการเจรจากับฝ่ายตำรวจไทยที่เข้ามาบริเวณช่องทางท่าข้ามธรรมชาติ ด้านตรงข้าม บ.วังผา หมู่ที่ 4 ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด จ.ตาก เรียกเก็บผลประโยชน์ในอัตราที่สูงขึ้นและต่อรองราคาไม่ได้
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รรท.รอง ผบช.ภ.6 พร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปที่ สภ.แม่สอด จากนั้นคณะได้เดินทางไปที่ท่าข้าม 23 บ้านวังแก้ว ต.แม่ปะ อ.แม่สอด ก่อนเข้าสอบถามข้อมูลจากนานธงชัย มณีศร ผู้ดูแลท่าขนส่งสินค้า
นายธงชัยได้ระบุว่า ทางฝั่งเมียนมาเมืองฉ่วยโก๊กโก่ยังคงเปิดให้มีการค้าไปมาตามปกติ และมีการส่งสินค้าถูกต้องตามกฎหมาย โดยการควบคุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องการข้ามไปเจรจาของตำรวจ และเรื่องเรียกรับผลประโยชน์นั้นไม่ทราบ
พล.ต.ต.อมรศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธร ภาค 6 ให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ทราบว่าไม่มีการปิดท่าขนส่งสินค้าและเปิดให้ขนส่งสินค้าตามปกติ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นมาตรการรักษาความสงบภายในเขตประเทศเมียนมา
สำหรับเรื่องที่ตำรวจไทยข้ามฝั่งเมียนมาไปเจรจากับผู้นำชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงนั้น ได้สอบถามทางผู้นำกะเหรี่ยงแล้วได้รับคำตอบว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยข้ามไปฝั่งเมียนมา และเจรจาเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ แต่ตนเองจะยังไม่ทิ้งประเด็นนี้ พร้อมเดินหน้าสอบสวนสืบสวนต่อไป
ที่มา-ภาพ ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com
