“ปรับฮวงจุ้ย-โยกย้าย” เปลี่ยนโฉมวงการตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์สอบผ่าน 1 เดือน ล้างแต่งตั้งไม่เป็นธรรม-กู้ศรัทธา

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.คนที่ 14 สอบผ่าน หลังรับฟังเสียงทั้งภายนอกและภายในกรมปทุมวัน 1 เดือน ปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยภูมิทัศน์และกำจัดขยะในบริเวณสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้สะอาด พร้อมให้ความเป็นธรรมและโปร่งใสในการแต่งตั้ง”นายพลใหญ่-เล็ก”ที่จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่น ความหวัง และกู้ศรัทธาของประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลงวงการสีกากีในอนาคต

นอกจากเลือกปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จนเป็นที่ฮือฮา นำรูปปั้นนกอินทรีกางปีก ความยาวปีกแต่ละข้างประมาณ 1 เมตร ลำตัวสูงไม่ต่ำกว่า 80 เซนติเมตร มีขนสีเทาสลับสีขาว ไปวางไว้บนเทอร์เรซชั้น 2 อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ ใน ตร. หันหน้าไปทางวัดปทุมวนาราม สัญลักษณ์นกเจ้าแห่งเวหานี้คืออำนาจ ความมั่นคง ความยิ่งใหญ่ สง่างาม มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เป็นสัตว์มงคลที่นิยมนำมาใช้ในฮวงจุ้ยอันดับต้นๆ ของทุกชนชาติ ผู้ที่มีตำแหน่งเป็นผู้นำ หัวหน้างานต้องปกครองคนหมู่มาก นิยมเสริมฮวงจุ้ยด้วยรูปนกอินทรี เพื่อเสริมบารมีตนเอง

อีกทั้งยังปรับภูมิทัศน์พื้นที่ประตูทางเข้าฝั่งถนนพระราม 1 ให้เล็กลงจากเดิมประมาณ 6 เมตร มาเหลือแค่ 5.8 เมตร และย้ายศาลพระภูมิที่เดิมเคยอยู่ด้านหน้าตรงประตูทางเข้าถนนพระราม 1 ไปไว้ที่ด้านข้างของอาคารสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ใน ตร.

นอกจากนี้ ได้กำจัดกองขยะที่ตั้งอยู่ข้างต้นไทรหน้าตึกสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตร. (สทส.) ดูแล้วไม่สง่างาม ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ออกไป ตามดำริ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ก่อนจะเป็น ผบ.ตร.คนที่ 14 เสมือนเป็นการกวาดเช็ดถูบ้านให้สะอาด ทั้งจากเรื่องราวฉาวโฉ่ ทะเลาะเบาะแว้ง จนเป็นที่เสื่อมศรัทธาประชาชน

ขณะเดียวกันการทำหน้าที่แม่ทัพสีกากีของ “บิ๊กต่อ” ยังถือโอกาสล้างภาพลักษณ์ ลบภาพโยกย้ายไม่เป็นธรรม เสมือนเป็นกองขยะที่ทับถมหมักหมมมานานออกไปเช่นกัน

แม้ใครจะบอกว่าเป็นการแผลงฤทธิ์ พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ แต่กฎหมายมีช่องว่าง ถ้าผู้นำหน่วยมุ่งมั่นยึดธรรมาภิบาล เห็นแก่พวกพ้อง ตั๋วนักการเมือง ยากทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นไปตามกติกาจับอากัปกิริยาของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินออกจากห้องประชุมศรียานนท์ หลังทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ทั้งการประชุมพิจารณาบัญชีรอง ผบ.ตร.-ผบช. หรือเรียกกันว่า “นายพลใหญ่” เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม นายกฯ เดินยิ้มร่าออกมา พร้อมยื่นแขนไปข้างหลังชูนิ้วโป้งแทนคำตอบสื่อมวลชนที่ถามว่าการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยหรือไม่และการประชุม ก.ตร.เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม มีวาระแต่งตั้งโยกย้ายระดับรอง ผบช.-ผบก. หรือ “นายพลเล็ก” นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี มีการชื่นชมว่า การแต่งตั้ง ผบช.ที่ผ่านมาแต่งตั้งโปร่งใส ได้รับการชื่นชมอย่างดีจากทุกภาคส่วน ผู้มีอาวุโสได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง ถือเป็นนิมิตหมายอันดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยุคใหม่

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ให้ความสำคัญเรื่องความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายว่ากันทั้งบัญชี “นายพลใหญ่-เล็ก” ทั้งสองครั้งที่ผ่านการเคาะของ ก.ตร. ที่ประชุมได้ให้ความสำคัญอาวุโส และความรู้ความสามารถ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ ดีกว่า 9 ปีที่ผ่านมาในยุครัฐประหารแล้วต่อเนื่องด้วย “รัฐบาลประยุทธ์”ถ้าย้อนไปยุคนั้น ที่ประชุม ก.ตร.ทำหน้าที่เสมือนตรายาง ประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนายพลสีกากีแต่ละที เอารายชื่อขึ้นจอมอนิเตอร์ แล้วคนนั่งหัวโต๊ะถามว่า “ใครมีปัญหาอะไรไหม?” แค่นั้น จากนั้นสไลด์จอไปเรื่อยๆ จบพิธีกรรม ไม่ปล่อยให้ถกแถลงแต่ละตำแหน่งจนหมดถ้อยกระทงความเหมือนยุคนี้

ตั้งแต่ตำแหน่งรอง ผบ.ตร.-ผช.ผบ.ตร. เรียงตามลำดับอาวุโสทุกตำแหน่ง เรียงอันดับอาวุโส 100% การแต่งตั้ง ผบช. ที่ว่าง 18 ตำแหน่ง และโยกย้ายสลับกัน รวม 29 ตำแหน่งนั้น ตามกติกาต้องแต่งตั้งรอง ผบช. เรียงลำดับอาวุโส 50% มี 8 คน ส่วนที่เหลือ พิจารณาจากรอง ผบช. ครองตำแหน่ง 2-7 ปี ทั้งหมด 76 คน ปรากฏว่า ก.ตร.มีมติแต่งตั้งรอง ผบช. 4-7 ปี เป็น ผบช. 15 คน รอง ผบช. ครองตำแหน่ง 2-3 ปี ได้เลื่อนเป็น ผบช. 3 คน เมื่อสแกนตามรุ่น นรต.ได้อัพเก้าอี้นายพลใหญ่ครั้งนี้ เกาะกลุ่มระหว่างรุ่น 40-41 เมื่อผลการแต่งตั้งออกมา ได้รับคำชม แน่นอนได้สร้างความปลาบปลื้มใจให้แม่ทัพสีกากีคนที่ 14 เป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้น การทำบัญชี “นายพลเล็ก” บิ๊กต่อจึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจให้ออกมาดีไม่แตกต่างกันปรากฏว่า ประชุม ก.ตร. ใช้เวลา 5 ชั่วโมง การพิจารณาบัญชีรอง ผบช.-ผบก. จำนวน 275 รายชื่อ ส่วนใหญ่เป็น นรต.รุ่น 45 รุ่น 46 และรุ่น 50 จากการเปิดเผย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิจากการเลือกตั้ง ระบุว่า การพิจารณาแต่งตั้ง ผบก. เป็นรอง ผบช. จำนวน 54 ตำแหน่งนั้น เป็น ผบก.ที่ดำรงตำแหน่ง 3 ปีขึ้นไปได้เลื่อนขึ้นหมดทุกคน การพิจารณาแต่งตั้งที่ประชุมได้พิจารณาเรียงรายบุคคล โดยคำนึงถึงอาวุโส และความรู้ความสามารถ ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งในหน่วยที่สังกัด หรือเหมาะสมกับความรู้ความสามารถ ส่วนตำแหน่ง ผบก. ว่าง 80 ตำแหน่ง มีผู้มีคุณสมบัติจะเลื่อนขึ้นโดยเป็นรอง ผบก. 4 ปีขึ้นไป ถึง 10 ปี จำนวน 473 คน ผู้อยู่ในกลุ่มอาวุโส 7-10 ปี ได้เลื่อน 49 ราย กลุ่มความรู้ความสามารถ 4-6 ปี ได้เลื่อน 31 ราย

“ผบ.ตร.บอกกับผมว่า นอนโซฟามา 3 วันแล้ว กังวลและห่วงใย ตั้งใจจะให้การแต่งตั้งเป็นธรรมกับพี่น้องข้าราชการตำรวจให้มากที่สุดเหมือนกันกับการแต่งตั้งนายพลใหญ่ กำชับให้แต่ละกองบัญชาการทบทวนจัดทำบัญชีเสนอขึ้นมาให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด” ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิเล่า ถ้าจำกันได้ พล.ต.อ.เอก เป็นเสียงเดียวที่ไม่ลงคะแนนให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นั่ง ผบ.ตร. เพราะเห็นว่าไม่เป็นหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้

เจ้าตัวระบุต่อว่า “ผมให้คะแนนเต็มสิบ สำหรับความเป็นดรีมทีม ผู้บังคับบัญชาตำรวจที่เข้มแข็ง รักใคร่สามัคคีกลมเกลียว ช่วยกันพิจารณาบัญชี ช่วยกันชี้แจงต่อที่ประชุม ก.ตร.รับข้อเสนอ รับข้อสังเกตให้ความเป็นธรรมกับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน”

บัญชีแต่งตั้งต่อไป คือ ระดับ “นายพัน” ตำแหน่ง รอง ผบก.-สว. (สารวัตร) ใช้เกณฑ์แต่งตั้งให้พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโส ไม่น้อยกว่าร้อยละ 33 ของจำนวนตำแหน่งว่างในแต่ละระดับตำแหน่งของหน่วยนั้น ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน และระดับรองสารวัตรลงมา ให้แล้วเสร็จภายใน 31 มกราคม 2567

ล่าสุด พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.สกพ. ได้ทำหนังสือถึง ผบช. ให้ปรับปรุงฐานข้อมูลลำดับอาวุโส ระดับรอง สว.-ผกก. ในสังกัดที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไว้ให้พร้อมสำหรับการแต่งตั้งในวาระประจำปี 2566 แล้วให้แจ้งภายใน 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หากใครเห็นว่าลำดับอาวุโสไม่ถูกต้องให้ยื่นข้อมูลต่อต้นสังกัดทบทวนภายใน 15 วัน สดับรับฟังทั้งเสียงภายในและภายนอกกรมปทุมวัน 1 เดือนที่ผ่านมา ผบ.ตร.คนที่ 14 ผู้ไม่มีรุ่นถือว่าสอบผ่าน ถือว่าเป็นความหวังสู่จุดเปลี่ยนกอบกู้วิกฤตศรัทธาสีกากีได้

ที่มา มติชน

Back To Top