มือใหม่หัดขับ ต้องรู้! วิธี “ขับแซง” ถูกมารยาทและถูกกฎหมาย

จะเห็นได้ว่า การ “แซง” ที่ผิดวิธี หรือการแซงที่เกิดจากขาดทักษะประสบการณ์หรืออาการ “คึกคะนอง” นั้น นำพาไปสู่ความสูญเสียมานักต่อนัก

บ่อยครั้งที่ได้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจากการแซงรถข้างหน้าอย่างผิดวิธีหรือไม่ จนเกิดการสูญเสียอย่างมากมาย ทางทีมข่าวอาชญากรรม ภาค 8 ก็ได้หาข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์แก่ มือใหม่หัดขับ หรือเพื่อเตือนใจขาซิ่งขาแซงทั้งหลาย กับ วิธี ขับแซง ขอแซง แบบถูกมารยาทและถูกกฎหมาย

พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ.2522 หมวด 2 การขับแซงและผ่านขึ้นหน้า

มาตรา 44 ผู้ขับขี่ซึ่งประสงค์จะขับรถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถอื่นในทางเดินรถซึ่งไม่ได้แบ่งช่องทางเดินรถไว้ ต้องให้สัญญาณ โดยกระพริบไฟหน้าหลายครั้ง หรือให้ไฟสัญญาณยกเลี้ยวขวา หรือให้เสียงสัญญาณดังพอที่จะให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถคันหน้าให้สัญญาณตอบตามมาตรา 37(3) หรือมาตรา 38 (3) และเมื่อเห็นว่าไม่เป็นการกีดขวางรถอื่นที่กําลังแซงแล้ว จึงจะแซงขึ้นหน้าได้

การแซงต้องแซงด้านขวาโดยมีระยะห่างจากรถที่ถูกแซงพอสมควร เมื่อเห็นว่าได้ขับผ่านขึ้นหน้ารถที่ถูกแซงไปในระยะที่ห่างเพียงพอแล้ว จึงจะขับชิดด้านซ้ายของทางเดินรถได้

มาตรา 45 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่แซงเพื่อขึ้นหน้ารถอื่นด้านซ้าย เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้

(1.) รถที่จะถูกแซงกําลังเลี้ยวขวาหรือให้สัญญาณจะเลี้ยวขวา

(2.) ทางเดินรถนั้นได้จัดแบ่งเป็นช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไปการขับรถแซงด้านซ้ายตาม (1) หรือ

(2) จะกระทําได้เมื่อไม่มีรถอื่นตามมาในระยะกระชั้นชิดและมีความปลอดภัยพอ

มาตรา 46 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถอื่นในกรณีต่อไปนี้

(1.) เมื่อรถกําลังขึ้นทางชัน ขึ้นสะพาน หรืออยู่ในทางโค้ง เว้นแต่จะมีเครื่องหมายจราจรให้แซงได้

(2.) ภายในระยะสามสิบเมตรก่อนถึงทางข้าม ทางร่วมทางแยกวงเวียน หรือเกาะที่สร้างไว้ หรือทางเดินรถที่ตัดข้ามทางรถไฟ

(3.) เมื่อมีหมอก ฝน ฝุ่นหรือควัน จะทําให้ไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะหกสิบเมตร

(4.) เมื่อเข้าที่คับขันหรือเขตปลอดภัย

มาตรา 47 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถแซงหรือผ่านขึ้นหน้ารถอื่นลํ้าเข้าไปในเส้นกึ่งกลางของทางเดินรถที่กําหนดไว้ หรือที่มี

เครื่องหมายจราจรแสดงเขตอันตรายหรือเขตให้ใช้ความระมัดระวังบนทางเดินรถในกรณีที่ทางเดินรถด้านซ้ายมีสิ่งกีด

ขวางที่เป็นอุปสรรคแก่การจราจรและทางเดินรถด้านขวามีความกว้างเพียงพอ ผู้ขับขี่จะขับรถหลีกสิ่งกีดขวางลํ้าเข้าไปใน

เส้นกึ่งกลางของทางเดินรถที่เจ้าพนักงานจราจรกําหนดไว้ก็ได้ในเมื่อไม่กีดขวางการจราจรของรถที่สวนทางมา

มาตรา 48 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถแซงหรือผ่านขึ้นหน้ารถคันอื่นลํ้าเข้าไปในช่องเดินรถประจําทาง เว้นแต่

ในกรณีที่มีสิ่งกีดขวางการจราจรในทางเดินรถข้างหน้า หรือเมื่อต้องปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงานจราจร แต่ทั้งนี้จะขับ

รถอยู่ในช่องเดินรถประจําทางได้เพียงเท่าที่จําเป็นเท่านั้น

มาตรา 49 เมื่อได้รับสัญญาณขอแซงขึ้นหน้าจากรถคันที่อยู่ข้างหลัง ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถที่มีความเร็วช้าหรือรถ

ที่ใช้ความเร็วตํ่ากว่าความเร็วของรถอื่นที่ขับไปในทิศทางเดียวกัน ต้องยอมให้รถที่ใช้ความเร็วสูงกว่าผ่านขึ้นหน้า ผู้ขับขี่ที่

ถูกขอทางต้องให้สัญญาณตอบตามมาตรา 37 (3) หรือมาตรา 38 (3) เมื่อเห็นว่าทางเดินรถข้างหน้าปลอดภัยและไม่มีรถ

อื่นสวนทางมาในระยะกระชั้นชิด และต้องลดความเร็วของรถและขับรถชิดด้านซ้ายของทางเดินรถเพื่อให้รถที่จะแซงผ่านขึ้นหน้าได้โดยปลอดภัย

ข้อมูล : web.krisdika.go.th

Back To Top