ศาลตัดสินจำคุกร้อยเวร

 

 

ศาลสั่งจำคุก ร.ต.อ.ปรับ 2 หมื่นบาทฐานประพฤติมิชอบไม่แจ้งแพทย์เวรร่วมชันสูตรพลิกศพสาวผู้ช่วยพยาบาลผูกคอตาย แถมลงบันทึกว่ามีแพทย์ร่วมชันสูตรศพ ภายหลังพ่อแม่ผู้ตายร้องเรียนจนถูกไล่ออกจากราชการ ส่วนคดีอาญาถูกสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่น แต่จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่น โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบสั่งจำคุก ร.ต.อ.รายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ส.ค. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 จ.นครศรีธรรมราช ได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ อท.21/2561 ซึ่งพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.อ.ศุภณัฐ เอ่งย่อง อายุ 34 ปี รอง สว. (สอบสวน) สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นจำเลยในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำเอกสารปลอม ปลอมเอกสารของทางราชการ

คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย.55 จำเลยซึ่งรับราชการตำรวจมียศ ร.ต.ท.เป็นพนักงานสอบสวนเวรของ สภ.บ่อผุด ได้รับแจ้งเหตุคนผูกคอตายที่บ้านเลขที่ 123/80 หมู่ 1 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หลังรับแจ้งจำเลยได้เดินทางไปที่เกิดเหตุพบศพของ น.ส.ณัฐนรี เมลกุล ผู้ช่วยพยาบาลโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง อยู่ในบ้านหลังดังกล่าว จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานทางคดีมีหน้าที่ต้องแจ้งแพทย์เวรของโรงพยาบาลในพื้นที่เกิดเหตุมาร่วมชันสูตรศพ แต่ปรากฏว่าจำเลยไม่ได้แจ้งแพทย์ให้มาร่วมทำการชันสูตรศพในที่เกิดเหตุแต่กลับบันทึกในเอกสารการตรวจที่เกิดเหตุว่าได้ร่วมกับแพทย์เวรร่วมทำการชันสูตรศพในที่เกิดเหตุแล้ว

ต่อมานายชัยโย เมลกุล กับนางนิตยา สาเล๊ะ พ่อและแม่ของผู้ตาย ได้เข้าร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ถึงพฤติกรรมหรือการกระทำดังกล่าวของจำเลย กระทั่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเสนอพนักงานอัยการยื่นฟ้อง ร.ต.อ.ศุภณัฐเป็นจำเลย

ศาลพิเคราะห์แล้วเชื่อว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้า พนักงานของรัฐเป็นพนักงานสอบสวนมีหน้าที่ตามกฎหมาย เมื่อรับแจ้งความในกรณีดังกล่าว จำเลยมีหน้าที่ต้องแจ้งแพทย์ให้มาร่วมชันสูตรศพและกรอกข้อความที่เป็นจริงในเอกสารของทางราชการ แต่จำเลยกลับไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ตนต้องรับผิดชอบ กลับทำการพลิกศพหรือชันสูตรศพเองตามลำพัง จากนั้นได้บันทึกหรือกรอกข้อความลงในเอกสารว่าได้ร่วมกับแพทย์ทำการพลิกศพผู้ตาย ซึ่งเป็นการกรอกข้อความอันเป็นเท็จ ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงจำเลยได้ส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลในภายหลัง

ศาลเห็นว่าพฤติกรรมของจำเลยเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับความเสียหายรวมทั้งครอบครัวของผู้ตายได้รับความเสียหาย ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาทแต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท

ข้อมูล ขทร 24 สิงหาคม 2561

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการกระทำของจำเลยจะเข้าข่ายละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดแต่จำเลยไม่ได้มีเจตนาทุจริต ประกอบกับจำเลยได้ร่วมบรรเทาผลร้ายให้แก่ครอบครัวผู้ตายเป็นเงิน 1 แสน 3 หมื่นบาท อีกทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ลงโทษทางวินัยแก่จำเลยแล้วโดยการไล่ออกจากราชการ รวมทั้งจำเลยไม่เคยต้องโทษทางอาญาใดๆ มาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้เป็นเวลา 2 ปี

Back To Top